บทเรียนโควิด-19 จากจีน: อย่าให้ผู้ป่วยจ่ายเงินค่าตรวจเชื้อและค่ารักษาเอง
สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศจีน ตอนนี้ถือได้ว่าส่งสัญญาณบวกในการควบคุม และยับยั้งการแพร่ระบาดหลังตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวัน มีจำนวนน้อยลงจากหลักร้อยเป็นหลักสิบ โดยตัวเลขล่าสุดเมื่อวานนี้ (11 มีนาคม) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเพียง 24 ราย
ความสำเร็จขั้นต้นที่เกิดขึ้นนี้ เป็นผลจากบทเรียนสำคัญอย่างหนึ่งที่รัฐบาลจีนต้องการชี้ให้รัฐบาลอื่นๆ ทั่วโลก ที่กำลังประสบปัญหาการระบาดของโควิด-19 ได้เห็น คือการเตรียมพร้อมงบประมาณ สำหรับจ่ายค่าตรวจเชื้อ และค่ารักษาแก่ผู้ป่วยทุกคน
หนังสือพิมพ์ South China Morning Post เผยแพร่บทความที่ชี้ให้เห็นถึงบทเรียนสำคัญของจีน ในการเตรียมพร้อมงบประมาณเพื่อดูแลค่าตรวจเชื้อและค่ารักษา เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยที่มีรายได้น้อย หลีกเลี่ยงการตรวจรักษาเนื่องจากกลัวค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง
โดยผู้เชี่ยวชาญจีน ชี้ว่าผลกระทบจากการหลบเลี่ยงการตรวจรักษาเพราะกลัวค่าใช้จ่ายนั้น จะยิ่งส่งผลให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น ขณะที่ข้อมูลจากวารสารการแพทย์จีนชี้ว่าปกติแล้ว ค่าตรวจโรคโควิด-19 ของจีนจะอยู่ที่ประมาณ 370 หยวน (ราว 1,676 บาท) ส่วนค่ารักษา หากเทียบจากโรงพยาบาลในนครเซี่ยงไฮ้ จะอยู่ที่ประมาณ 23,000 หยวน (ราว 104,100 บาท) สำหรับผู้สูงอายุ และ 5,600 หยวน (25,370 บาท) สำหรับเยาวชน
นอกจากนี้ ยังมีวิธีการรักษาบางอย่าง เช่นการทำ ECMO หรือ ออกซิเจนเมมเบรนจากภายนอก (Extracorporeal Membrane Oxygenation) ซึ่งเป็นการให้ออกซิเจนในเลือดสำหรับผู้ป่วย เพื่อช่วยในการหายใจ ก็มีราคาค่อนข้างแพง แต่ทั้งหมดนี้เป็นส่วนที่รัฐบาลต้องสนับสนุนค่าใช้จ่าย ซึ่งรัฐบาลจีนจัดเตรียมงบประมาณกว่า 110,480 ล้านหยวน (ราว 500,000 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์การรักษา และค่าใช้จ่ายสำหรับแพทย์และพยาบาลไว้แล้ว
สำหรับในประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐฯ ที่ตอนนี้พบผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 1,000 คน พบว่าสิ่งที่ประชาชนไม่น้อยพากันกังวล คือค่าใช้จ่ายจากการตรวจหาเชื้อที่ค่อนข้างสูง โดยรัฐบาลสหรัฐฯ มีนโยบายไม่คิดค่ารักษาสำหรับการตรวจหาเชื้อในโรงพยาบาลที่ทางการกำหนดไว้ แต่การเดินทางไปยังโรงพยาบาลเหล่านี้ ก็มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามมาอีกไม่น้อย ซึ่งบางรายต้องจ่ายเงินถึง 3,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 101,000 บาท) สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปตรวจเชื้อ
ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาด (CDC) ของสหรัฐฯ ระบุว่า ในวันจันทร์ (9 มีนาคม) ที่ผ่านมา มีประชาชนเข้ารับการตรวจหาเชื้อเพียง 1,707 คน ขณะที่อาจมีผู้ป่วยบางรายไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลหรือศูนย์การแพทย์ท้องถิ่นอื่นๆ ที่ภาครัฐไม่มีข้อมูล
ขณะที่แนวโน้มผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ตอนนี้ อาจเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก โดยผลการศึกษาจากศูนย์การแพทย์ Cedars-Sinai ในนครลอสแอนเจลิส ประเมินว่าอาจมีผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม อยู่ที่ราว 1,043 คน จนถึง 9,484 คน
เกาหลีใต้ที่พบผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 7,800 คน รัฐบาลเกาหลีใต้และบริษัทประกันภัย ต่างก็ประกาศตั้งแต่เดือนมกราคมว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการตรวจหาเชื้อ กักตัว และรักษาผู้ติดโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานีตรวจหาเชื้อ รวมถึงจุดบริการตรวจเชื้อแบบ Drive-through หรือขับรถผ่าน ทำให้มีประชาชนเข้ารับการตรวจเชื้อวันละกว่า 15,000 คน
ส่วนญี่ปุ่น รัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโควิด-19 ทั้งการตรวจหาเชื้อและการรักษา
ขณะที่อังกฤษก็เปิดให้ประชาชนเข้ารับการตรวจหาเชื้อโดยไม่มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และจนถึงตอนนี้ มีผู้เข้ารับการตรวจแล้วกว่า 18,000 คน ในจำนวนนี้พบผู้ติดเชื้อ 373 คน
ทั้งนี้ ศาสตราจารย์เดิร์ก ไฟฟ์เฟอร์ จากมหาวิทยาลัยซิตี้ในฮ่องกง ชี้ว่าการจ่ายค่าตรวจรักษาโควิด-19 เองนั้น จะขัดขวางความพยายามในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส
“เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าที่ไหนที่คุณต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล บุคคลที่มีอาการไม่รุนแรงและอยู่ในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยจะลังเลที่จะไปโรงพยาบาล และบางทีอาจจะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ติดเชื้อโรคระบาดร้ายแรงด้วย พฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้การแพร่ระบาดยิ่งขยายตัวมากขึ้น” ศาสตราจารย์ไฟฟ์เฟอร์ กล่าว